5 เทรนด์ AI ที่จะเปลี่ยนงานวิจัยตลาดในอีก 5 ปีข้างหน้า

เทคโนโลยี AI กับอนาคตของงานวิจัยตลาด

ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นหัวใจของการตัดสินใจทางธุรกิจ การวิจัยตลาด (Market Research) ได้เปลี่ยนผ่านจากวิธีการดั้งเดิมสู่การใช้ เทคโนโลยี AI อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึก (Insight) ที่รวดเร็ว แม่นยำ และสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคจริง

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 5 เทรนด์ AI สำคัญ ที่กำลังเข้ามาปฏิวัติการวิจัยตลาด พร้อมตัวอย่างเครื่องมือ AI และเคสธุรกิจที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง

 

1. Generative AI สำหรับสร้างแบบสอบถามและแบบสำรวจ

Generative AI สามารถสร้างคำถามสำหรับแบบสอบถามได้อย่างแม่นยำ โดยอิงจากวัตถุประสงค์การวิจัยและลักษณะกลุ่มเป้าหมาย เช่น ปรับภาษาให้เหมาะสม ลดความซ้ำซ้อน และหลีกเลี่ยง Bias ของผู้วิจัย

🔧 ตัวอย่างเครื่องมือ AI:

  • ChatGPT – สร้างแบบสอบถามจาก brief งานวิจัย
  • Typeform AI – แนะนำคำถามที่เกี่ยวข้องอัตโนมัติ

📌 Case Study:

บริษัท FMCG ในสหรัฐฯ ใช้ ChatGPT ช่วยสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ จากเดิมใช้เวลา 5 วัน เหลือเพียง 3 ชั่วโมง พร้อมอัตราการตอบกลับสูงขึ้น 15% จากความเป็นมิตรของภาษาและการออกแบบที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย

2. AI วิเคราะห์ความรู้สึก (Sentiment Analysis) แบบเรียลไทม์

AI วิเคราะห์อารมณ์ (Sentiment Analysis) สามารถสกัดความคิดเห็นและความรู้สึกจากข้อความรีวิว โซเชียลมีเดีย หรือแบบสอบถามเปิดได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้แบรนด์เข้าใจความรู้สึกของผู้บริโภคแบบเรียลไทม์

🔧 ตัวอย่างเครื่องมือ AI:

  • Google Cloud Natural Language API
  • MonkeyLearn
  • Lexalytics

📌 Case Study:

แบรนด์เครื่องสำอางในไทยใช้ NLP วิเคราะห์คอมเมนต์บน Shopee และ Twitter พบว่าผลิตภัณฑ์บางสี “ดูเข้มเกินไป” สำหรับกลุ่มอายุน้อยกว่า 25 ปี จึงปรับภาพลักษณ์สินค้าพร้อมโปรโมตผ่าน KOL รุ่นใหม่ ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 28% ภายในไตรมาสถัดไป

3. AI ด้านภาพและวิดีโอสำหรับการวิเคราะห์พฤติกรรม

AI ที่ทำงานกับภาพและวิดีโอ (เช่น Computer Vision และ Deep Learning) ช่วยให้สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคในเชิงลึก เช่น การเดินในร้านค้า สีหน้าระหว่างดูรีวิว หรือความสนใจต่อสินค้า

🔧 ตัวอย่างเครื่องมือ AI:

  • Amazon Rekognition – วิเคราะห์สีหน้า/วัตถุ
  • RealEye, EyeQuant – วิเคราะห์ Eye Tracking
  • DeepFace AI – ตรวจจับอารมณ์จากวิดีโอ

📌 Case Study:

ซูเปอร์มาร์เก็ตในญี่ปุ่นใช้ AI วิเคราะห์เส้นทางเดินของลูกค้าผ่านกล้องวงจรปิด พบว่าผู้หญิงวัย 30-45 ปีมีแนวโน้มหยุดบริเวณโซนสุขภาพใกล้ของหวาน → ปรับแผนวางสินค้าใหม่ ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 22% ในเวลา 3 เดือน

4. AI ทำนายเทรนด์ตลาดล่วงหน้า (Predictive Analytics)

AI สามารถใช้ในการทำนายแนวโน้มตลาด (Market Trend) และความต้องการของผู้บริโภคล่วงหน้า โดยอิงจากข้อมูลพฤติกรรม ยอดขายในอดีต หรือข้อมูลจากโซเชียล

🔧 ตัวอย่างเครื่องมือ AI:

  • Amazon Forecast, Facebook Prophet
  • Salesforce Einstein Analytics
  • Google Trends + Python ML Tools

📌 Case Study:

แบรนด์แฟชั่นในเกาหลีใช้ AI วิเคราะห์ความนิยมของลวดลาย/สีผ้าบน TikTok และคาดการณ์ยอดขายรายสัปดาห์ล่วงหน้า ส่งผลให้การสั่งผลิตลดการค้างสต็อกลง 35% และสามารถปรับการตลาดแบบ Agile ได้เร็วขึ้น

5. การสร้าง Customer Persona อัตโนมัติด้วย AI

จากเดิมต้องอาศัยการสัมภาษณ์ลูกค้าและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างซับซ้อน ปัจจุบัน AI สามารถสร้าง Customer Persona อัตโนมัติ โดยอิงจากพฤติกรรมในระบบ CRM, โซเชียลมีเดีย หรือข้อมูลการซื้อ

🔧 ตัวอย่างเครื่องมือ AI:

  • HubSpot AI Persona Builder
  • Segment by Twilio
  • Crystal Knows

📌 Case Study:

บริษัทประกันในไทยใช้ข้อมูลจาก CRM ผนวกกับ AI เพื่อจัดกลุ่มลูกค้าแบบอัตโนมัติ พบกลุ่มเป้าหมายใหม่คือ “ครอบครัวคนเมืองที่ไม่มีลูก” จึงออกแบบแผนประกันสุขภาพเฉพาะกลุ่ม → ยอดสมัครแพ็กเกจใหม่เพิ่มขึ้น 40% ใน 2 เดือน

 

สรุป: AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือคู่คิดใหม่ของนักวิจัยตลาด

AI ทำให้การวิจัยตลาดเปลี่ยนจาก “การสำรวจแบบดั้งเดิม” ไปสู่ “การวิเคราะห์เชิงลึกแบบอัตโนมัติ” ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แบรนด์ที่ปรับตัวใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จะได้เปรียบอย่างชัดเจนในการเข้าใจลูกค้า และวางกลยุทธ์ที่ตรงเป้าได้มากกว่าเดิม

 

แบ่งปันบทความสาระน่ารู้

Facebook
Twitter
LinkedIn

บทความอื่นๆ