เคล็ดลับจัดตารางสำหรับ Multi-Skilled Agents ใน Contact Center

ในยุคที่ลูกค้าติดต่อผ่านหลายช่องทาง — โทรศัพท์, แชท, อีเมล, โซเชียลมีเดีย — บทบาทของ Agent ก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้มีความสามารถหลากหลาย (multi-skilled) มากขึ้น แน่นอนว่าการจัดตาราง (scheduling) สำหรับ Multi-Skilled Agents นั้นมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

ทำความเข้าใจก่อน: ทำไม “หลายทักษะ” ถึงสำคัญ — และอันตรายถ้าทำไม่ดี

ข้อดีของ Multi-Skilled Agents

  • ความยืดหยุ่นในการจัดการทรัพยากร — หากมี Agents ที่สามารถรับงานได้หลายช่องทาง ก็ช่วยลดช่องว่างการบริการ (gaps) เมื่อมีปริมาณงานเพิ่มขึ้นในช่องทางใดช่องทางหนึ่ง
  • ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น — ใช้เวลาและทรัพยากรได้คุ้มค่าขึ้น
  • ประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น — เมื่อมีการจัดการประเภทงานกับช่องทางที่เหมาะสม  Agents ที่ได้รับมอบหมายก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด

⚠️ ความเสี่ยงของ Multi-Skilled Agents

  • เกิด “ทักษะผิวเผิน” —  Agents อาจมีความรู้กว้างแต่ไม่มีความลึกพอในแต่ละช่องทาง ส่งผลให้คุณภาพการบริการไม่เสถียร
  • ความเหนื่อยล้า (burnout) — งานที่หลากหลายพร้อมความคาดหวังด้านประสิทธิภาพอาจสร้างภาระให้กับ Agents โดยไม่จำเป็น
  • ความซับซ้อนในการจัดตาราง — หากไม่มีโครงสร้างที่ชัดเจน การจัดตารางจะกลายเป็นการสร้างภาระให้กับ Multi-Skilled Agents

เคล็ดลับ 5 ข้อสำหรับบริการจัดการ Multi-Skilled Agents

  1. อย่าสมมติว่างานทุกประเภทควรทำได้ในทุกช่องทาง

ไม่ใช่ทุกปัญหาลูกค้าควรจัดการผ่านแชท หรือทุกคำถามควรโทรเสมอ การกำหนดว่า “งานแบบไหน เหมาะกับช่องทางไหน” จะช่วยให้คุณ:

  • ชัดเจนในการจัดเส้นทาง (routing) ของงาน
  • ออกแบบทักษะ (skills) ที่จำเป็นให้ตัวแทนแต่ละคนได้ถูกจุด
  • ลดภาระทางด้านการจัดตารางที่ไม่จำเป็น

ตัวอย่าง: งานที่ต้องอธิบายยาว ๆ หรือต้องแนบไฟล์อาจเหมาะกับอีเมล ขณะที่ปัญหาด่วนหรือภาวะฉุกเฉินอาจควรโทรหรือแชททันที

  1. กำหนด “priority skills” ให้ชัดเจน — ไม่ใช่ให้เยอะจนเกินพิกัด

ควรกำหนดชุดทักษะหลัก (core skills) สำหรับ Agents แต่ละกลุ่ม และอาจเสริมทักษะรองให้ตามศักยภาพ กระบวนการนี้ช่วยให้:

  • ตัวแทนได้รับการพัฒนาทักษะอย่างเป็นระบบ
  • การจัดตารางยืดหยุ่นแต่มีฐานทักษะรองรับ
  • ลดโอกาสเกิดความเหนื่อยล้าจากการต้อง “สลับบทบาท” ตลอดเวลา

แนะนำให้แบ่ง “tiers ของระดับ skill” เช่น ระดับพื้นฐาน — ระดับกลาง — ระดับสูง เพื่อให้เห็นภาพรวมว่าใครควรรับภาระช่องทางใด

  1. วัดและติดตามว่าใคร “เก่งเรื่องอะไร” แล้วใช้ข้อมูลนั้นจัดตาราง

อย่าเพียงพิจารณาจากจำนวนชั่วโมง อดีต หรือความชอบเท่านั้น ใช้ ข้อมูลเชิงปฏิบัติการ เช่น:

  • ปริมาณงานที่จัดการในช่องทางต่าง ๆ
  • ค่าเฉลี่ยเวลาตอบ (average response time)
  • คุณภาพ (Quality Assurance / QA)
  • วิเคราะห์บทสนทนาหรือตัวอย่างงานที่ดี เพื่อเป็นตัวอย่าง (best practices)

จากนั้นนำข้อมูลมาแม็ปว่าใคร “เหมาะกับงานใด” มากที่สุด และจัดตารางให้ agents ได้อยู่ในที่ที่เขาจะ “สร้างผลลัพธ์ได้ดีที่สุด”

  1. ออกแบบระบบจัดตารางที่ยืดหยุ่น — รองรับการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์

ในโลกที่ลูกค้าติดต่อไม่เป็นเวลาแน่นอน ระบบจัดตารางต้องไม่ใช่ “ติดตั้งแล้วจบ” แต่ควรมีความยืดหยุ่น เช่น:

  • มี buffer (เวลาสำรอง) สำหรับใช้ปรับเมื่อมีปริมาณงานเกินคาด
  • สามารถสลับตัวแทนจากช่องทางหนึ่งไปอีกช่องทางหนึ่งได้ทันที
  • ใช้ระบบ WFM (Workforce Management) ที่รองรับการปรับแบบ intraday
  • ให้ Agent สามารถแลกเวลาหรือสลับเวรกันในกรณีฉุกเฉิน
  1. หลีกเลี่ยง “ช่องว่าง” ในตาราง — ต้องครอบคลุมงานสำคัญ

งานสำคัญ เช่น งานรีบด่วน, ช่องทางเสียง หรือคำถามทางเทคนิค ควรมี “coverage buffer” เผื่อไว้ หากไม่มีการวางแผนจะเกิด:

  • เวลารอสายยาว
  • งานตกหล่น
  • คุณภาพการบริการลดลง

เคล็ดลับคือ “แบ่งปริมาณงานโดยทักษะ” และออกแบบตารางให้ไม่มีช่วงเวลาที่ไม่มีผู้รับผิดชอบ

ตัวอย่างโครงสร้างตาราง

ช่วงเวลา ช่องทางหลักที่คาดการณ์ ตัวแทนที่เหมาะ หมายเหตุ
09:00–11:00 โทรศัพท์ & แชท Agent A (voice+chat), Agent B (chat) เตรียม buffer สำหรับงานด่วน
11:00–13:00 แชท & อีเมล Agent C (email+chat), Agent B (chat) สลับบทบาทตามโหลด
13:00–15:00 โซเชียลมีเดีย & แชท Agent D (social+chat), Agent C (social media) มีตัวสำรองหากงานเกินคาด
15:00–17:00 โทรศัพท์ & แชท Agent A, Agent B สำรองช่องทาง social media

โครงสร้างนี้อาจปรับเปลี่ยนตามปริมาณงานจริง แต่เป็นแนวทางเริ่มต้นที่ทำให้เห็นภาพว่า ควรกระจาย “ทักษะ” อย่างไรให้ครอบคลุมแต่ไม่เกินตัว

 

สรุป

การจัดตารางสำหรับ multi-skilled agents อาจดูยุ่งยาก แต่หากวางโครงสร้างให้ดี ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ และใส่เผื่อ “พื้นที่ยืดหยุ่น” — จะได้ทั้งประสิทธิผลของระบบและประสิทธิภาพของ multi-skilled agents

แบ่งปันบทความสาระน่ารู้

Facebook
Twitter
LinkedIn

บทความอื่นๆ