ความคิดของ chatbots ปรากฏขึ้นครั้งแรกในปี 1960 แต่มีการใช้งานไม่ค่อยแพร่หลายนัก เนื่องจากผู้บริโภคหลายคนลังเลที่จะใช้แอพพลิเคชั่นใหม่ ตลอดจนความสามารถในการทำงานบน planforms ที่หลากหลายของ chatbots จนกระทั่งทศวรรษปัจจุบันเป็นยุคดิจิตอล ซึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี AI, Natural language processing (NLP) และ Messaging applications จึงมีการนำ chatbots มาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด แม้กระทั่งในประเทศไทย
แนวโน้มของเทคโนโลยีการสื่อสารแสดงให้เห็นว่าการสื่อสารด้วยข้อความกลายเป็นรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่สังคมยอมรับ ผู้คนชอบแชทมากกว่าการติดต่อส่วนตัวหรือแม้กระทั่งการโทรศัพท์ เทคโนโลยีระดับสูงได้สร้าง open planforms และ interfaces สำหรับ chatbot ผู้ประกอบการรายใหญ่ของโลก เช่น Microsoft, Facebook, Google, Amazon, IBM, Apple, Samsung และอื่น ๆ ต่างก็สร้าง chatbot ของตนเอง
Chatbots ที่โด่งดังรายแรกๆ เช่น Siri ได้ถูกพัฒนาและเปิดตัวขึ้นในปี 2010 IBM Watsons เริ่มต้นในปี 2011 Bixby Samsung voice assistant ปรากฏขึ้นในปี 2012 Alexa เริ่มต้นใช้งานในปี 2014 และ Google Assistant เปิดตัวในปี 2016 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากความต้องการแลกเปลี่ยนข้อความหรือการสื่อสารที่สะดวกรวดเร็วทันเวลาทั้งในโลกส่วนตัวและโลกธุรกิจ ปัจจุบันหลายบริษัทได้ใช้โปรแกรม chatbot เช่น Facebook Messenger, Slack, Kik และ Hipchat ในการตอบข้อความลูกค้า ช่วยลูกค้าในการสั่งซื้อตั๋วเครื่องบิน หรือสั่งอาหาร
ธุรกิจใดก็ตามที่ใช้ chat online พร้อมกับ Chatbots จะแก้ไขปัญหาได้เร็วกว่าการไม่ได้ใช้ Chatbots เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการแก้ปัญหาหรือบรรเทาความร้อนใจของลูกค้าเมื่อลูกค้ามีความคาดหวังว่าจะได้รับการตอบคำถามในทันที ซึ่งการโทรติดต่ออาจต้องรอสายนาน การ email หรือการกรอกเว็บฟอร์มที่สวยงามอาจไม่สามารถตอบสนองลูกค้าแบบทันทีได้ อย่างไรก็ตาม การจัดทำ Chatbots ให้ผสมผสานได้ดีกับ chat online โดยมีการตอบคำถามได้ครบทุกความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญและท้าทายการบริการของธุรกิจเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ประกอบการที่ได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้งานยังต้องพัฒนาต่อไปเพื่อตอบสนองลูกค้าแบบ Realtime
Acquire.io ได้สรุปแนวโน้มของ Chatbot ดังนี้
- Chatbot จะค่อยๆ ได้รับการยอมรับและมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้น บริษัทยักษ์ใหญ่หลายรายจะเริ่มมีการใช้ Chatbot สำหรับการบริการลูกค้า
- Chatbot จะได้รับการพัฒนาให้มีการโต้ตอบที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากยิ่งขึ้น กลุ่มคนรุ่นใหม่จะยอมรับการใช้ Chatbot มากเพิ่มขึ้น
- Chatbot จะถูกขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้ Chatbot จะมีการเรียนรู้ที่จะส่งมอบประสบการณ์เฉพาะให้กับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งในปัจจุบันบริษัทประกัน ได้พัฒนา Chatbot เพื่อให้เกิดนำเสนอแบบประกันให้กับลูกค้าแบบ Realtime นอกจากนี้ ได้มีการใช้ location-base technology ในการเคลมประกัน โดยลูกค้าสามารถคุยกับ Chatbot เพื่อ ส่งสถานที่เกิดเหตุ การส่งเอกสารหรือตรวจสอบต่างๆ เพื่อให้การเคลมเร็วขึ้น
- เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า (Deep Customer Insights) ข้อมูลการพูดคุยกับ Chatbot จะถูกเก็บอย่างเป็นระบบ และมาพัฒนาต่อยอดโดยใช้ AI เพื่อให้ Chatbot มีการบริการลูกค้าได้อย่างเป็นอัจริยะเพิ่มขึ้น
- การเพิ่มขึ้นของ Conversational Bots ซึ่งตรงนี้จะไปสนับสนุนในเรื่อง conversational marketing ที่ใช้ Chatbot ฟังและเข้าใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น
- การเกิด Automated Call Center โดยใช้เทคโนโลยี AI, NLP และ serverless จะทำให้เกิด call center แบบอัตโนมัติที่ทดแทนคน และทำงานตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด
สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลด้าน Chatbot, contact center, analytics และปรึกษาด้านการบริหารจัดการลูกค้า ติดต่อได้ที่ line http://line.me/ti/p/%40ewn0631b โทร 02-026-1455