ในยุคที่แบรนด์ถูกพูดถึงทุกวินาทีบนโลกโซเชียล การ “วิเคราะห์แบรนด์คู่แข่ง” จึงไม่ใช่แค่การดูราคาหรือโปรโมชั่นอีกต่อไป แต่ต้องอาศัย Social Listening ในการสแกนเสียงผู้บริโภคให้ลึก และแม่นยำขึ้น เพื่อให้แบรนด์ของคุณวางแผนสู้ได้อย่างมีข้อมูลหนุนหลัง
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจ ขั้นตอนการใช้ Social Listening วิเคราะห์แบรนด์คู่แข่ง แบบเจาะลึก พร้อมแนะแนวเครื่องมือที่ใช้ได้จริงในไทย
Social Listening คืออะไร?
Social Listening คือการติดตามและวิเคราะห์สิ่งที่ผู้คนพูดถึงแบรนด์ สินค้า หรือประเด็นต่างๆ บนช่องทางออนไลน์ เช่น Facebook, Twitter, Pantip, Instagram, TikTok, YouTube ฯลฯ โดยไม่ต้องรอให้ลูกค้ามาให้ feedback ตรงๆ
ทำไมต้องวิเคราะห์แบรนด์คู่แข่ง
ด้วย Social Listening?
การวิเคราะห์คู่แข่งด้วย Social Listening ช่วยให้คุณ:
- รู้ว่า “ลูกค้าคิดยังไงกับแบรนด์คู่แข่ง” ทั้งเชิงบวกและลบ
- เห็นจุดแข็ง-จุดอ่อนของคู่แข่งจากสายตาผู้บริโภคจริง
- ค้นพบ Pain Point ที่ยังไม่มีใครตอบโจทย์
- สังเกตการเคลื่อนไหวหรือแคมเปญที่กำลังเป็นกระแส
- ปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้าดีกว่าเดิม
ขั้นตอนวิเคราะห์แบรนด์คู่แข่งด้วย Social Listening
1. ระบุแบรนด์คู่แข่งหลักที่ต้องการวิเคราะห์
เริ่มจากการเลือก 2-3 แบรนด์ที่อยู่ในตลาดเดียวกัน อาจเป็นคู่แข่งโดยตรง (Direct Competitor) หรือคู่แข่งทางอ้อม (Indirect Competitor)
2. ตั้งคำค้น (Keywords) ให้ครอบคลุม
เช่น ชื่อแบรนด์, ชื่อสินค้า, แฮชแท็ก, ชื่อ CEO หรือ tagline ที่เกี่ยวข้อง เช่น:
- “แบรนด์ A”, “สินค้า A”, “#แบรนด์A”, “ของแถมแบรนด์ A”, “ครีมAแพงไหม”
3. ใช้เครื่องมือ Social Listening ดึงข้อมูล
แนะนำเครื่องมือที่ใช้ได้ดีในไทย เช่น:
- Wisesight
- Mandala Analytics
- Zanroo
- Hootsuite Insights (by Brandwatch)
- Sprinklr
- SocialMention (ฟรี)
4. วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ
สิ่งที่ควรวิเคราะห์:
- จำนวน mention และ engagement ของแต่ละแบรนด์
- Tone of voice (เชิงบวก / กลาง / เชิงลบ)
- คำที่คนใช้บ่อยเวลาพูดถึงแบรนด์ (Keyword Cloud)
- ประเด็นที่ลูกค้าชม / บ่น / ตั้งคำถาม
- ช่องทางที่มีคนพูดถึงมากที่สุด (เช่น Pantip vs Twitter)
5. เปรียบเทียบกับแบรนด์ของคุณ
ดูว่าจุดเด่น/จุดด้อยของคู่แข่งต่างจากของคุณตรงไหน เช่น:
- คู่แข่งมีคนชื่นชมด้านบริการหลังการขายเยอะ — ของคุณควรปรับให้ดีขึ้น
- คู่แข่งโดนบ่นเรื่องราคาแพง — คุณอาจใช้จุดแข็งด้านความคุ้มค่า
ตัวอย่างการวิเคราะห์แบรนด์คู่แข่งจริง
เช่น กรณีศึกษา:
- แบรนด์เครื่องดื่มสุขภาพ: Social Listening พบว่า คนพูดถึงเรื่อง “น้ำตาลต่ำ” และ “รสชาติไม่หวานเกิน” บ่อยในแบรนด์คู่แข่ง → แบรนด์ของคุณอาจชูเรื่อง “หวานธรรมชาติ” หรือ “ไม่มีสารให้ความหวาน” เพื่อสร้างความต่าง
- บริการเดลิเวอรี่อาหาร: ลูกค้าโวยเรื่องส่งช้า → แบรนด์คุณปรับภาพลักษณ์เรื่อง “ส่งไวใน 30 นาที” พร้อมโปรโมทให้หนักขึ้น
สรุป
การวิเคราะห์แบรนด์คู่แข่งด้วย Social Listening เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเข้าใจตลาด เข้าใจลูกค้า และวางกลยุทธ์ที่ลึกซึ้งกว่าการดูยอดขายหรือโปรโมชั่น สิ่งสำคัญคือ การใช้ข้อมูลให้ตรงจุด และแปลง insight เป็น action ได้จริง
📌 อย่าลืม:
- อัปเดตคำค้นเป็นระยะ เพราะกระแสออนไลน์เปลี่ยนเร็ว
- เช็กความถูกต้องของบริบทโพสต์เสมอ
- ใช้ทั้งมุมปริมาณ (Quantitative) และเนื้อหา (Qualitative) ในการวิเคราะห์
“หากคุณสนใจให้เราช่วยวิเคราะห์แบรนด์ของคุณและคู่แข่งด้วย Social Listening แบบมืออาชีพ ติดต่อทีมของเราได้เลย!”