ความต่างของ CSAT, CES และ NPS – แบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณ?

ในยุคที่ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric Era) ธุรกิจไม่ได้แข่งขันกันแค่สินค้าและราคาอีกต่อไป แต่แข่งขันกันที่ “ประสบการณ์” ที่ลูกค้าได้รับ (Customer Experience: CX) การวัดผลประสบการณ์ของลูกค้าจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้แบรนด์เข้าใจลูกค้า และสามารถพัฒนาได้ตรงจุด

สามเครื่องมือวัดผลที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลกคือ CSAT (Customer Satisfaction Score), CES (Customer Effort Score) และ NPS (Net Promoter Score) ซึ่งแม้ทั้งหมดจะใช้เพื่อวัด “ความรู้สึกของลูกค้า” แต่แต่ละตัวก็มีมุมมองและการใช้งานที่แตกต่างกัน

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกความหมาย ข้อดี ข้อจำกัด ตัวอย่าง และกลยุทธ์ในการเลือกใช้แต่ละตัว เพื่อหาคำตอบว่า “ธุรกิจของคุณควรใช้ CSAT, CES หรือ NPS?” หรือจริงๆ แล้วควรใช้ ผสมผสานกัน

ทำไมการวัดความพึงพอใจลูกค้าจึงสำคัญ?

ก่อนเข้าสู่รายละเอียด มาดูเหตุผลว่าทำไมธุรกิจไม่ควรมองข้ามการวัดผลนี้

  1. สะท้อนคุณภาพการบริการที่แท้จริง
    แม้สินค้าจะดีแค่ไหน แต่ถ้าบริการไม่ตอบโจทย์ ลูกค้าก็อาจหายไป วัดผล CX ช่วยชี้ให้เห็นปัญหาที่ลูกค้าเผชิญ
  2. เพิ่มการรักษาลูกค้า (Retention)
    การได้ลูกค้าใหม่มีต้นทุนสูงกว่าการรักษาลูกค้าเก่า การวัด CSAT, CES, NPS ทำให้รู้ว่าลูกค้าพร้อมจะอยู่ต่อหรือไม่
  3. สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
    Insight จากการวัดผลเป็นข้อมูลที่คู่แข่งอาจยังไม่มี หากนำมาปรับใช้ได้เร็ว จะสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืน
  4. เชื่อมโยงกับผลลัพธ์ทางธุรกิจ
    งานวิจัยชี้ว่า บริษัทที่มี NPS สูงกว่าคู่แข่ง มักมีอัตราการเติบโตและรายได้มากกว่า

CSAT (Customer Satisfaction Score) – คะแนนความพึงพอใจ

CSAT คืออะไร?

CSAT ใช้วัด “ความพึงพอใจของลูกค้า” ในช่วงเวลาหรือเหตุการณ์หนึ่งๆ เช่น หลังการซื้อสินค้า หรือหลังการใช้บริการ โดยคำถามมักเป็น:

“คุณพึงพอใจกับประสบการณ์ครั้งนี้แค่ไหน?”

ลูกค้าจะตอบในสเกล เช่น 1–5 หรือ 1–7 โดยคะแนนสูงแปลว่าพึงพอใจมาก

ข้อดีของ CSAT

  • ใช้ง่าย ลูกค้าตอบเร็ว
  • วัดได้ทันทีหลังเหตุการณ์ → ได้ข้อมูล Real-time
  • นำไปใช้ปรับปรุงเฉพาะจุดได้ดี เช่น ประสบการณ์ชำระเงิน, การโทร Call Center

ข้อจำกัด

  • เป็นการวัด “ความรู้สึกเฉพาะหน้า” ซึ่งอาจเปลี่ยนไปตามอารมณ์
  • ไม่สะท้อนความสัมพันธ์ระยะยาวกับแบรนด์

กรณีศึกษา

หากร้านกาแฟออนไลน์ส่งสินค้าให้ลูกค้าช้า แล้วลูกค้าให้ CSAT ต่ำ ธุรกิจจะรู้ทันทีว่าปัญหาอยู่ที่ “ความเร็วในการจัดส่ง” ไม่ใช่รสชาติกาแฟ

 

CES (Customer Effort Score) – คะแนนความง่าย

CES คืออะไร?

CES วัดว่า “ลูกค้าต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการติดต่อหรือใช้บริการ” โดยมักถามว่า:

“การแก้ปัญหาของคุณกับบริษัทนี้ง่ายหรือลำบากเพียงใด?”

ลูกค้าจะตอบในสเกล เช่น 1–7 (ง่ายมาก → ยากมาก)

ข้อดีของ CES

  • มุ่งเน้นการลดอุปสรรคของลูกค้า (Pain Points)
  • สอดคล้องกับงานวิจัยที่ชี้ว่า “การลดความยุ่งยาก” มีผลต่อ Loyalty มากกว่าการทำให้ลูกค้าประทับใจเกินคาด
  • เหมาะกับการวัดคุณภาพของระบบ Support หรือ Self-service

ข้อจำกัด

  • ไม่ได้วัดความรู้สึกเชิงบวก/ลบทั้งหมด
  • อาจไม่เหมาะกับสินค้าที่มีมูลค่าเชิงอารมณ์ เช่น Luxury Brand ที่ลูกค้ายอมใช้ effort เพื่อแลกกับ Prestige

กรณีศึกษา

บริษัท SaaS ใช้ CES เพื่อวัดว่าการ Reset Password ผ่านระบบ Self-service ง่ายหรือยาก หากลูกค้าต้องโทร Call Center ตลอด CES จะต่ำ → แปลว่าต้องพัฒนาระบบ

NPS (Net Promoter Score) – คะแนนการบอกต่อ

NPS คืออะไร?

NPS ใช้วัดว่า “ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะแนะนำแบรนด์ให้คนอื่นหรือไม่” โดยใช้สเกล 0–10 จากคำถาม:

“คุณมีแนวโน้มที่จะแนะนำบริษัท/สินค้า/บริการนี้ให้คนรู้จักมากน้อยเพียงใด?”

แล้วแบ่งลูกค้าเป็น 3 กลุ่ม:

  • Promoters (9–10): รักแบรนด์ พร้อมบอกต่อ
  • Passives (7–8): เฉยๆ ไม่บอกต่อ แต่ก็ไม่ตำหนิ
  • Detractors (0–6): ไม่พอใจ อาจบอกต่อในทางลบ

ข้อดีของ NPS

  • สะท้อน “ความภักดี” ระยะยาว
  • สามารถเปรียบเทียบกับ Benchmark ระหว่างอุตสาหกรรมได้
  • เป็นตัวบ่งชี้การเติบโตของธุรกิจในอนาคต

ข้อจำกัด

  • ไม่ได้บอกเหตุผล ต้องใช้คู่กับ Feedback เชิงคุณภาพ
  • ไม่เหมาะกับการวัด “ประสบการณ์เฉพาะจุด”

กรณีศึกษา

สายการบิน A ใช้ NPS และพบว่ามี Detractors สูงมาก → เมื่อตรวจสอบเชิงลึก พบว่าปัญหาคือความล่าช้าในการ Check-in จึงพัฒนาระบบ Self Check-in ทำให้ NPS ดีขึ้นภายใน 6 เดือน

 

ตารางเปรียบเทียบ CSAT vs CES vs NPS

Metric สิ่งที่วัด จุดเด่น ข้อจำกัด เหมาะกับธุรกิจ
CSAT ความพึงพอใจทันที เข้าใจ Feedback Real-time ไม่สะท้อนความรู้สึกระยะยาว Retail, E-commerce, Healthcare
CES ความง่าย/ความพยายาม ชี้อุปสรรคของลูกค้าได้ตรงจุด ไม่วัดภาพรวมเชิงอารมณ์ SaaS, Call Center, Subscription
NPS ความภักดีและการบอกต่อ วัด Loyalty และโอกาสเติบโต ไม่บอกสาเหตุ ต้องใช้คู่กับ Qualitative Airline, Hotel, B2B, Service

กลยุทธ์การเลือกใช้

  • ใช้ CSAT → หากต้องการรู้ Feedback แบบทันที เช่น หลังชำระเงิน, หลังโทร Call Center
  • ใช้ CES → หากต้องการรู้ว่าลูกค้าลำบากหรือสะดวกแค่ไหน เช่น การคืนสินค้า, การใช้งานแอป
  • ใช้ NPS → หากต้องการวัดความภักดีและโอกาสการบอกต่อ เช่น สำรวจทุกไตรมาส/ปี

หลายธุรกิจเลือก ใช้ทั้ง 3 ตัวผสมกันตาม Journey เช่น:

  1. หลังซื้อสินค้า → CSAT
  2. หลังแก้ปัญหาผ่าน Support → CES
  3. ทุก 6 เดือน → NPS

 

การตีความผลลัพธ์และนำไปใช้งานจริง

การได้คะแนนอย่างเดียวไม่พอ สิ่งสำคัญคือการตีความและการลงมือปรับปรุง

  • CSAT ต่ำ: อาจบอกว่ามีปัญหาที่จุดสัมผัส ต้องเจาะลงไปว่าเกิดจากการบริการ พนักงาน หรือระบบ
  • CES สูง (แปลว่าลูกค้าต้องใช้ความพยายามมาก): ต้องลดขั้นตอน เช่น เพิ่มระบบ Chatbot หรือ FAQ ที่ชัดเจน
  • NPS ต่ำ: ต้องหาสาเหตุผ่าน Feedback ว่าทำไมลูกค้าไม่พร้อมบอกต่อ → เช่น ราคาแพง บริการช้า หรือคู่แข่งดีกว่า

บทบาทของเทคโนโลยีและ AI

การเก็บ Feedback วันนี้ไม่จำกัดแค่ Survey แบบเดิม ธุรกิจสามารถใช้:

  • AI Sentiment Analysis: วิเคราะห์ความคิดเห็นจาก Social Media อัตโนมัติ
  • Dashboard แบบ Real-time: รวม CSAT, CES, NPS ไว้ในที่เดียว
  • CRM Integration: เชื่อมคะแนนเข้ากับข้อมูลลูกค้า → ทำ Personalized Marketing

 

แนวโน้มในอนาคต

  • การวัดแบบ Omnichannel: เก็บ Feedback ทั้ง Online และ Offline
  • การใช้ Voice of Customer (VoC): รวมทุกเสียงจากทุกช่องทาง ทั้ง Chat, Email, Social
  • การทำ Predictive CX: ใช้ AI คาดการณ์ล่วงหน้าว่าลูกค้าจะกลายเป็น Detractor หรือ Promoter

สรุป

CSAT, CES และ NPS เป็นเหมือน “เครื่องมือวัดสุขภาพของลูกค้า” ที่ต่างกันไปตามบริบท:

  • CSAT = อุณหภูมิ ณ ตอนนั้น
  • CES = ความดันโลหิต (สะท้อนความลำบาก/สะดวก)
  • NPS = สุขภาพระยะยาว

ธุรกิจที่ใช้ทั้ง 3 ตัวร่วมกัน และนำผลลัพธ์ไปปรับปรุง CX อย่างต่อเนื่อง จะสามารถสร้างฐานลูกค้าที่พึงพอใจและภักดีได้ในระยะยาว

คุณอยากรู้หรือไม่ว่า ธุรกิจของคุณควรใช้ CSAT, CES หรือ NPS แบบไหนถึงจะคุ้มค่าที่สุด?
ทีมผู้เชี่ยวชาญของ Affinity พร้อมช่วยออกแบบระบบวัดผลลูกค้า วิเคราะห์ Insight และสร้าง Dashboard ที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ ปรึกษา Affinity คลิกเลย  LINE https://lin.ee/TzhmJq5

แบ่งปันบทความสาระน่ารู้

Facebook
Twitter
LinkedIn

บทความอื่นๆ